ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

รู้จัก PYTHON

จัดทำโดย

นายปิยะศักดิ์ ไตรเลิศ แผนกเมคคาทรอนิกส์ วิทยาลัยเทคนิคสมุทรสาคร


PYTHON



ในตอนนี้ Python ถือว่าเป็นหนึ่งในภาษายอดนิยมเพราะสามารถเอาไปใช้งานในด้าน Data Sci. ได้เป็นอย่างดี (เอาไปทำอย่างอื่นเช่นเขียนเว็บก็ได้นะครับ) 
ในบทความนี้จะพูดถึง พื้นฐานการเขียน Python ซึ่งจะเน้นที่เวอร์ชั่น 3 เป็นหลัก

Running Mode

สำหรับภาษา Python นั้นเป็นภาษาแบบ interpreter ซึ่งทำให้เรารันโปรแกรมได้ 2 รูปแบบคือ

terminal

เป็นการรัน Python ใน terminal หรือ command-line ซึ่งจะเป็นการพิมพ์คำสั่งทีละคำสั่ง โดยไม่ต้องสร้างไฟล์ .py ขึ้นมา
วิธีการใช้คือรันคำสั่ง python หลังจากนั้นก็จะเป็น terminal ของ Python เด้งขึ้นต่อมาให้พิมพ์โค้ดได้เลย
ส่วนใหญ่จะเอาไว้เทสโค้ดหรือทดสอบอะไรเล็กๆ น้อยๆ เน้นความเร็วซะมากกว่าเขียนโปรแกรมจริงจัง

file

วิธีที่ 2 ส่วนใหญ่จะใช้กับการเขียนโปรแกรมแบบปกติ จะต้องเขียนโค้ดในไฟล์นามสกุล .py ของ Python ส่วนวิธีการรันโปรแกรมจะใช้คำสั่งเหมือนกับโหมด terminal แต่ต้องเพิ่มชื่อไฟล์ตามหลังด้วย เช่น python main.py เป็นต้น
หรืออีกวิธีคือใช้ IDE สำหรับเขียน Python โดยเฉพาะเช่น PyCharm Anaconda, หรือ Canopy  ซึ่งโปรแกรมพวกนี้สามารถรันได้ในตัวเองอยู่แล้ว

Input/Output

การรับค่าในภาษา Python จะใช้คำสั่ง input() ส่วนการปริ๊นค่าออกมาจะใช้คำสั่ง print() ซึ่งในจุดนี้สำหรับ python2 และ python3 จะเขียนต่างกันพอสมควรเลย
สำหรับ python2 การรับค่าที่เป็นตัวเลขจะใช้ input() ธรรมดาส่วนถ้าอยากได้ค่าเป็น string จะใช้ต้อง raw_input() แทน
ส่วน python3 จะเหลือแค่ input() ตัวเดียวซึ่งให้ค่าเป็น string เสมอ แต่ถ้าอยากได้เป็นตัวเลข ก็สามารถ cast string ให้เป็น int หรือตัวแปรชนิดอื่นๆ ได้ด้วยคำสั่งพวก int() และ float()
ส่วนการ print ก็ต่างกันเช่นกัน แบบนี้

นั่นคือใน python2 นั้น print จะถือว่าเป็นคำสั่งประเภทนึง แต่ใน python3 นั้นจะถือว่า print() นั้นเป็นฟังก์ชัน ดังนั้นต้องใส่ ( ) ทุกรอบ

Comment

มีสองแบบคือ
  • inline
  • block

Variable

ตัวแปรในภาษา Python เป็นแบบ dynamic-type คือสามารถเป็น value ได้ทุกชนิดโดยไม่ต้องกำหนดประเภทของชนิดข้อมูล (ไม่เหมือนพวกภาษา C, Java ที่ต้องกำหนดตัวแปรเช่น int x สำหรับเก็บจำนวนเต็มโดยเฉพาะ)
Data Type หลักๆ ของ Python มี
  • int   - จำนวนเต็ม เช่น 1, 200, 1024
  • float - ทศนิยม เช่น 12.34, 3.1416
  • str   - ตัวอักษรและอักขระ ในภาษานี้ไม่ได้แยกเป็น char เป็นนับรวมๆ เป็นตัวอักษรทั้งหมดเลย เช่น "Tamemo.com" หรือ "This is a book" (ใช้ได้ทั้งแบบ "..." double-quote และแบบ '...' single-quote)
  • bool  - ค่าความจริงซึ่งมีแค่ 2 ค่าเท่านั้นคือ True / False
  • None  - มีค่าคล้ายๆ กับค่า null หรือ nil ในภาษาอื่น คือค่าที่ไม่มีค่าใดๆ (แต่จะทำให้ตัวแปรเกิดขึ้นได้ ใช้กับกรณีที่ต้องการให้ตัวแปร ซึ่งฐานนะของตัวแปรตัวนั้นจะต่างจากตัวแปรที่ยังไม่ได้กำหนดค่ามาก่อนที่เป็น undefined)
เนื่องจากภาษา Python เป็นภาษาแบบ interpreter เลยไม่มีปัญหากับการจองขนาดหน่วยความจำ (เพราะยังไงก็ต้องคำนวนตำแหน่งหน่วยความจำแบบ pointer อยู่แล้ว) ตัวแปรประเภทตัวเลขเลยสามารถเก็บกี่หลักก็ได้ไม่มีปัญหาแบบภาษาตระกูล C ที่ต้องกำหนดขนาดของตัวเลขให้ชัดเจนว่าใช้กี่ byte ในภาษานี้เลยแบ่งเป็นแค่ int กับ float ก็เพียงพอแล้ว


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คู่มือการใช้ tinkercad เบื้องต้น

คู่มือการใช้งานเบื้องต้น 1.tinkercad               t inkercad คือ  โปรแกรมออกแบบที่ทำงานบน Web Browser  ที่ช่วยในการออกแบบวงจรและยังสามารถจำลองการทำงานของวงจรได้อีกด้วย อีกทั้งยังช่วยในการออกแบบงานจำพวก3dได้อีกด้วยทั้งนี้ทั้งนั้นเราของยกมาแค่การออกแบบวงจรก่อนนะครับ ขั้นตอนการใช้โปรแกรมเบื้องต้น 1.เปิดโปรแกรม หน้าตาโปรแกรมก็จะประมาณนี้คับ 2.เมื่อเปิดโปรแกรมเสร็จแล้วให้ไปที่ Circuits  > try Circuits 3.จากนี้เราก็สามารถเขียนวงจรได้แล้ว 4.ถ้าเราต้องการที่จะเปลี่ยนสีสายของสายที่ใช้ต่อหรือพวกledให้ทำการคลิกทีอุปการณ์และเลือกได้เลย วิธีการนี้ใช้ได้กับการเปลี่ยนค่าตัวต้านทานด้วยเช่นกัน   5.ถ้าเราต้องการที่จะจำลองการทำงานให้เราไปที่ code จากนั้นก็ทำการเขียนได้เลยแต่ในtinkercadมันสามารถเขียนcodeได้หลายแบบมีดังนี้    6.เรามาจำลองการทำงานดูกันเลยดีกว่า ให้เราไปเขียนcodeให้เสร็จก่อนจากนั้นให้ไปกดที่ start simulation จากนั้นมันก็จะทำงานตามที่เราเขียนcode ใว้   7.โปรแกรม...

วัดองศาการเคลื่อนที่ โดย Encoder

จัดทำโดย นายณฐกร      โชติบุตร      แผนกเมคคาทรอนิกส์  วิทยาลัยเทคนิคสมุทรสาคร Esan3D เอ็นโค๊ดเดอร์ Encoder คืออะไร  ? มีอีกชื่อหนึ่งที่นิยมเรียกกันว่า เอ็นโค้ดเดอร์แบบแกนหมุน คือ เซ็นเซอร์ชนิดหนึ่งที่ทำหน้าที่ในการเข้ารหัส จากระยะทางจากการหมุนรอบตัวเอง และแปลงออกมาเป็นรหัสในรูปแบบของสัญญาณ ไฟฟ้า โดยเราสามารถนำเอารหัสเหล่านี้มาแปลงกลับ เพื่อหาค่าต่างๆที่เราต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นระยะทางการหมุน องศาการเคลื่อนที่ หรือ ความเร็วรอบก็ได้ แล้วนำมาแสดงผลให้เราได้ทราบค่าผ่านหน้าจอแสดงผล เช่น ถ้าต้องการวัดระยะทาง เราจะต้องต่อเข้ากับตัวนับจำนวน เพื่อแสดงผลเป็นระยะทาง หรือ ถ้าต้องการวัดความเร็วรอบ เราจะต้องต่อเข้ากับตัววัดพัลส์ โดยการประยุกต์ใช้เอ็นโค้ดเดอร์นั้น สามารถใช้ทำงานได้อย่างหลากหลาย เช่น กระบวนการประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เครื่องมือวัดต่างๆ เช่น ในการวัดความยาว หรือ อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ เป็นต้น การจะเลือกใช้ Encoder ต้องดูที่อะไรบ้าง  ? 1.  ความยาวสายสัญญาณของเอ็นโค้ดเดอร์ เมือเรามีการใช้งานตัวเอ็นโค้ด...

เรียนรู้ โมดูล A4988 ควบคุม Stepper Motor

จัดทำโดย นายปิยะศักดิ์   ไตรเลิศ       แผนกเมคคาทรอนิกส์ วิทยาลัยเทคนิคสมุทรสาคร นายณฐกร      โชติบุตร      แผนกเม ค คาทรอนิกส์ วิทยาลัยเทคนิคสมุทรสาคร A4988 คือ    โมดูล A4988 ควบคุม Stepper Motor A4988 มีขาใช้งานทั้งหมด 16 ขา ซึ่งแบ่งเป็นขาไฟเลี้ยง 2 ขา , คอนโทรล 8 ขา และ Output 4 1. แรงดันขับมอเตอร์ 9 - 35 V (ไฟเลี้ยง) ขา  VMOT,GND กระแสสูงสุด35v 2. แรงดันทำงาน 3 - 5.5 V (ไฟควบคุม)   ขา  VDD,GND 3. ขา 2B,2A,1A,1B เป็นขาสำหรับในการเสียบ motor bipolar 4. ขาSTEP คือควบคุมการหมุนของมอเตอร์ ความเร็วในการหมุน     ขาDIR    คือเป็นการระบุ ทิศทาง องศา  5. ขาSleep และ Reset สองขานี้ จะต่อเข้าด้วยกัน เนื่องจากขา Sleep จะทำหน้าที่ส่งกำลังไฟฟ้าน้อยที่สุดที่ทำได้ให้มอเตอร์ ในขณะที่มอเตอร์ยังไม่หมุน เพื่อเป็นการประหยัดพลังงาน ส่วนขา Reset จะกำหนดจุดเริ่มแรกในการหมุนของมอเตอร์  6.  MS1 - MS3 ทั้ง 3 ขานี้จะใช้ในการกำหนด Step Resolut...